การปูพื้นบ้าน สำคัญกว่าที่คิด
กระเบื้องปูพื้นนอกจากจะช่วยเพิ่มความสวยงามทันสมัยให้กับห้องของคุณ ยังเป็นการบ่งบอกไลฟ์สไตล์ความชอบของเจ้าของบ้าน แต่ถ้าจะปูพื้นให้ดีใช้งานได้ยาวนาน คุณต้องคำนึงถึงการใช้งานของพื้นที่นั้น ๆ ด้วย ควรเลือกใช้วัสดุปูพื้นบ้านที่เหมาะสมและมีความแข็งแรงคงทน เพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย
วัสดุปูพื้น มีกี่แบบ ควรเลือกแบบไหนดี
วัสดุปูพื้นบ้านที่มีขายตามท้องตลาดมีอยู่มากมายหลายแบบให้คุณเลือก เชื่อว่าหลายคนอาจจะตัดสินใจไม่ถูกว่าควรจะปูพื้นบ้านด้วยอะไรดี เราจะมาอธิบายให้คุณเข้าใจว่ากระเบื้องปูพื้นแต่ละแบบนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
1. ปูพื้นด้วยไม้จริง
สำหรับใครที่ต้องการเพิ่มบรรยากาศให้แลดูอบอุ่น แนะนำให้ปูพื้นด้วยไม้จริง โดยจะมีไม้ให้คุณเลือกหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นไม้สัก ไม้แดง ไม้เต็ง ไม้โอ๊ค และไม้เมเปิ้ล
ซึ่งข้อดีของการปูพื้นด้วยไม้จริงคือ มีความแข็งแรงทนทาน มีลวดลายเป็นเอกลักษณ์ ไม่ซ้ำแบบใคร อีกทั้งยังให้ความรู้สึกเย็นสบายเท้า
แต่ข้อเสียของการปูพื้นด้วยไม้จริงคือ ไม่ทนต่อความชื้น ทำให้ไม้อาจเกิดการบวมโก่งตัวได้ อีกทั้งยังลามไฟได้ง่าย และเสี่ยงต่อการโดนปลวกและแมลงชนิดอื่น ๆ เจาะด้วย
2. ปูพื้นด้วยไม้ลามิเนต
ไม้ลามิเนตทำมาจากผงไม้และเศษไม้เนื้อแข็งจากนั้นนำมาผ่านกระบวนการบีบอัดกันให้เป็นแผ่น จึงมีลักษณะลวดลายคล้ายไม้จริง มีน้ำหนักเบา และเคลื่อนย้ายไปติดตั้งได้ง่าย
ข้อดีของการปูพื้นด้วยไม้ลามิเนตคือ มีลวดลายที่สวยงามใกล้เคียงกับพื้นไม้จริง แต่ราคาถูกกว่าไม้จริง และยังสามารถทนความร้อนจากแสงแดดได้ดี การดูแลรักษาก็ง่าย
ส่วนข้อเสียของการปูพื้นด้วยไม้ลามิเนตคือ ทนต่อความชื้นได้ค่อนข้างน้อย ลวดลายไม้ค่อนข้างซ้ำกันและก่อนที่คุณจะปูพื้นด้วยไม้ลามิเนตจำเป็นต้องจัดแพทเทิร์นให้ดีเสียก่อน
3. ปูพื้นด้วยไม้เอ็นจิเนียร์
ปูพื้นด้วยไม้เอ็นจิเนียร์เป็นอีกหนึ่งในการปูพื้นให้คล้ายไม้จริง โดยผลิตมาจากการนำไม้เนื้อแข็งอัดสลับเสี้ยนไม้ทำให้มีความหนาประมาณ 2-3 มม. ภายในกระเบื้องปูพื้นชนิดนี้ยังอัดน้ำยากันปลวกไว้ภายในด้วย จึงสามารถทนทานต่อปลวกและแมลงชนิดต่าง ๆ ได้ดี
การติดตั้งก็ทำได้ง่ายเพียงแค่วางแผ่นพื้นให้ร่องลิ้นเข้าล็อกกัน
แต่ข้อเสียของการปูพื้นด้วยไม้เอ็นจิเนียร์คือ ต้องติดตั้งบนพื้นที่เรียบเสมอกันเท่านั้น หากติดตั้งบนพื้นไม่เรียบอาจเกิดเสียงดังขณะเดินผ่านได้ และพื้นชนิดนี้ยังมีราคาสูงกว่าพื้นที่มีลวดลายไม้ชนิดอื่น
4. ปูพื้นด้วยหินอ่อนและหินแกรนิต
สำหรับใครที่อยากให้บ้านมีความหรูหราดูแพง เราแนะนำให้ปูพื้นด้วยหินอ่อนและหินแกรนิต เนื่องจากมีลวดลายสวยงามเป็นเอกลักษณ์ จึงสามารถนำไปตกแต่งได้หลายสไตล์
การปูพื้นด้วยหินอ่อนและหินแกรนิตให้ความแข็งแรงทนทาน ทนต่อการขีดข่วนได้ดี อายุการใช้งานยาวนาน อีกทั้งหินอ่อนและหินแกรนิตยังเพิ่มความเย็นในบ้านให้มากยิ่งขึ้น
แต่ข้อเสียของการปูพื้นด้วยหินอ่อนและหินแกรนิตคือ ข้อจำกัดของพื้นหินเนื่องจากเป็นวัสดุทางธรรมชาติ จึงเป็นวัสดุที่หาได้ยากกว่าในอดีต และมีราคาสูงกว่าวัสดุปูพื้นบ้านประเภทอื่น ๆ นอกจากนี้ยังไม่ทนความชื้น ลวดลายของหินก็มีโอกาสเปลี่ยนสีได้ตามกาลเวลา และยังสามารถเกิดรอยด่างได้ด้วย
5. ปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิก
เซรามิกเป็นแผ่นกระเบื้องที่ทำมาจากดินแล้วนำมาผสมกับสารพิเศษประเภทต่าง ๆ จากนั้นนำมาผ่านกระบวนการความร้อนสูง
ข้อดีของแผ่นกระเบื้องปูพื้นชนิดนี้คือ ให้ความเย็นสบายเท้า มีความแข็งแรงคงทน มีลวดลายให้เลือกหลากหลาย จึงสามารถตกแต่งได้หลากหลายสไตล์
แต่ข้อเสียของการปูพื้นด้วยเซรามิก คือติดตั้งค่อนข้างยาก หากผู้ติดตั้งไม่มีความชำนาญอาจทำให้พื้นกระเบื้องโก่งตัวได้ และถ้าต้องรื้อกระเบื้องออกจะไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
6. ปูพื้นด้วยกระเบื้องยาง หรือไวนิล
สำหรับใครที่กำลังมองหาวัสดุปูพื้นบ้านที่สามารถทนปลวก ทนความชื้นได้ แนะนำให้ปูพื้นด้วยกระเบื้องยางหรือไวนิล เนื่องจากเป็นพลาสติกชนิดพิเศษที่มีคุณภาพสูง และผ่านการผสมของสารพิเศษมาแล้ว
กระเบื้องชนิดนี้ยังมีลวดลายให้เลือกหลายทั้งลายไม้และลายหินอ่อน อีกทั้งยังมีความคงทนแข็งแรง รองรับแรงกระแทกได้ดี หาซื้อได้ง่าย และหากเกิดความเสียหายคุณก็สามารถเปลี่ยนได้อย่างสะดวก
แต่ข้อเสียของการปูพื้นด้วยกระเบื้องยางหรือไวนิลคือ อาจเกิดการหดได้ตามสภาพอากาศ จึงควรติดตั้งในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ และกระเบื้องยางหรือไวนิลยังมีผิวสัมผัสที่ไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ
7. ปูพื้นด้วยไม้พลาสติกคอมโพสิต
ไม้พลาสติกคอมโพสิตทำมาจากเม็ดพลาสติกมาผสมกับไม้ จากนั้นนำมาขึ้นรูปด้วยวิธีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการอัดขึ้น ฉีดขึ้นรูป หรือใช้เครื่องกดความร้อนขึ้นรูป แผ่นกระเบื้องปูพื้นจึงมีลักษณะเหมือนกับแผ่นไม้ แต่สามารถทนทานต่อความชื้นได้ การปูพื้นด้วยไม้พลาสติกคอมโพสิตจึงเหมาะสำหรับปูพื้นภายนอกและพื้นในสวน
นอกจากนี้วัสดุปูพื้นบ้านด้วยไม้พลาสติกคอมโพสิตยังสามารถรื้อออกแล้ว นำไปรีไซเคิลได้ด้วย อีกทั้งยังสามารถทนต่อความร้อน ไม่ติดไฟ และไม่ลามไฟอีกด้วย แต่ข้อเสียของแผ่นกระเบื้องปูพื้นชนิดนี้คือมีลวดลายและเนื้อสัมผัสที่ไม่เหมือนกับไม้จริง และอาจจะหาซื้อได้ยากกว่าวัสดุปูพื้นบ้านประเภทอื่น
8. ปูพื้นด้วยพรม
หากคุณไม่รู้ว่าปูพื้นบ้านด้วยอะไรดี การปูพื้นด้วยพรมก็เป็นอะไรที่สะดวกมีให้เลือกหลากหลาย โดยมีพรมให้เลือกหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นพรมขนสัตว์ พรมเส้นใยธรรมชาติ พรมไนลอน พรมโพลีเอสเตอร์ และอีกมากมาย
ข้อดีของการปูพื้นด้วยพรมคือ ช่วยดูดซับเสียงได้ดี จึงเหมาะกับการปูพื้นในห้องที่ต้องการทำสมาธิ เช่น ห้องทำงาน ห้องอ่านหนังสือ อีกทั้งยังช่วยลดอุบัติเหตุจากการลื่นหกล้ม และคุณสามารถเลือกวางได้ตามความชอบ
แต่ข้อเสียของการปูพื้นด้วยพรมคือ ควรปรับพื้นให้เรียบก่อนปูพรม อายุการใช้งานไม่นาน จึงไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาโรคภูมิแพ้ เนื่องจากพรมมักจะกักเก็บฝุ่น การทำความสะอาดค่อนข้างยาก โดยเฉพาะคราบกาแฟและคราบอาหาร
9. ปูพื้นด้วยกระเบื้อง SPC
กระเบื้องยางพื้น SPC หรือ Stone Plastic Composite เป็นกระเบื้องยางรุ่นใหม่ผ่านกระบวนการผลิตมาจากหินปูนผสมกับพีวีซี ทำให้กระเบื้องรุ่นนี้มีแข็งแรงทนทานมากโดยอยู่ที่ระดับ AC 5 ซึ่งเป็นระดับความแข็งแรงสูงสุดของเรทกระเบื้องผิวไม้ลามิเนต
อีกทั้งยังสามารถกันน้ำ กันปลวก ทนทานต่อรอยขีดข่วน ทนสารเคมีได้ และยังสามารถทนไฟได้อีกด้วย นอกจากนี้กระเบื้องรุ่นนี้ยังมีความปลอดภัยในการใช้งานอย่างมาก เพราะไม่มีสารก่อมะเร็งและไม่มีส่วนผสมของใยหิน
กระเบื้องรุ่นนี้ยังมีสีสันที่สวยงาม ลวดลายเหมือนไม้จริง มีสีให้คุณเลือกหลากหลาย แต่ข้อเสียของกระเบื้องรุ่นนี้คือ หากโดนน้ำมากกระเบื้องอาจจะบวมได้และมีปัญหาปลวกกินไม้
แต่ละห้องเลือกวัสดุปูพื้นแบบไหนดี
กระเบื้องปูพื้นในห้องนอน
ห้องนอนเป็นห้องที่คุณต้องการการพักผ่อน กระเบื้องที่คุณเลือกใช้งานจึงต้องให้ความสบายผิวและสร้างบรรยายกาศให้แลดูอบอุ่น ซึ่งกระเบื้องปูพื้นที่เหมาะกับห้องนอน ได้แก่ กระเบื้องยางไวนิล พื้นไม้ลามิเนต กระเบื้องเซรามิก กระเบื้องแกรนิตโต้ ปูพื้นด้วยไม้จริง ปูพื้นด้วยไม้เอ็นจิเนียร์
กระเบื้องปูพื้นในห้องนั่งเล่น
ห้องนั่งเล่นเป็นห้องที่รวมสมาชิกทุกคนในครอบครัว ดังนั้นคุณควรปูพื้นให้แลดูอบอุ่น ซึ่งกระเบื้องปูพื้นที่เหมาะกับห้องนั่งเล่น ได้แก่ กระเบื้องยางไวนิล พื้นไม้ลามิเนต กระเบื้องเซรามิก กระเบื้องแกรนิตโต้ ปูพื้นด้วยไม้จริง ปูพื้นด้วยไม้เอ็นจิเนียร์ และปูพื้นด้วยพรม
กระเบื้องปูพื้นในห้องทำงาน
ห้องทำงานเป็นห้องที่คุณต้องการใช้สมาธิ เป็นพื้นที่ที่ต้องเงียบสงบ ซึ่งกระเบื้องปูพื้นที่เหมาะกับห้องทำงาน ได้แก่ ปูพื้นด้วยกระเบื้องยางหรือไวนิล ปูพื้นด้วยพรม ลามิเนต และ SPC
กระเบื้องปูพื้นในห้องครัว
ห้องครัวเป็นห้องที่ต้องเจอทั้งความร้อน ความชื้น และความสกปรกเสมอ วัสดุในการปูพื้นที่จะต้องทำความสะอาดได้ง่ายเป็นหลัก เพื่อไม่เกิดคราบสกปรกฝังแน่น ซึ่งกระเบื้องปูพื้นที่เหมาะกับห้องครัว ได้แก่ กระเบื้องยางไวนิล กระเบื้องเซรามิก กระเบื้องแกรนิตโต้ SPC และปูพื้นด้วยไม้เอ็นจิเนียร์
กระเบื้องปูพื้นในห้องน้ำ
กระเบื้องปูพื้นเหมาะกับการปูพื้นในห้องน้ำ ไม่ควรเป็นผิวมันเพราะจะทำให้ลื่นง่ายและต้องสามารถทนต่อความเปียกชื้นได้ดีด้วย ซึ่งกระเบื้องปูพื้นที่เหมาะกับห้องน้ำได้แก่ กระเบื้องเซรามิกและกระเบื้องแกรนิตโต้
กระเบื้องปูพื้นในห้องออกกำลังกาย
กระเบื้องปูพื้นที่เหมาะกับห้องออกกำลังกายจะต้องมีความแข็งแรง ยืดหยุ่น สามารถรับน้ำหนักได้มาก อีกทั้งยังต้องทำความสะอาดได้ง่าย ซึ่งกระเบื้องปูพื้นที่เหมาะกับห้องออกกำลังกายคือ กระเบื้องยางไวนิล
กระเบื้องปูพื้นในพื้นที่โล่งนอกบ้าน
พื้นที่โล่งนอกบ้านนั้นต้องโดนแสงแดดตลอดเวลา รวมถึงต้องเจอกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย ซึ่งกระเบื้องปูพื้นที่เหมาะกับพื้นที่โล่งนอกบ้าน ได้แก่ กระเบื้องเซรามิก กระเบื้องแกรนิตโต้ และปูพื้นด้วยพลาสติกคอมโพสิต
ขอบคุณที่มาจาก https://www.q-chang.com/blog/floor-material-ideas/